ธรรมะเกิดครั้งที่ ๔ และพรหมอาราธนา
เจอลูกหมาตายอยู่ข้างทางบันไดขึ้นมา หนอนกำลังไชอยู่กำลังกินหลวงพ่อก็เอาไม้เท้าเขี่ยดูก็เอาลูกหมานั้นเป็นอารมณ์ น้อมมาใส่ตัวเรา แล้วก็เอาเราเหมือนนั้น หนอนไชอะไรต่างๆ แล้วก็ทิ้งไป พอตกกลางคืนนั่งกรรมฐานก็เอานั้นมาเป็นอารมณ์ น้อมมาใส่กายเรา พิจารณาว่า ร่างกายของเรานี้เหมือนกับเนื้อสุนัข ที่มันเน่าเปื่อยหนอนไชกำลังกิน มองเห็นซี่โครงร่างกายว่างหมดเลย พอได้ส่วนเท่านั้น เสียงมันลั่นจากทรวงอกข้างซ้ายดังปึก แล้วก็เลื่อนลงมาโคนขาดังเพียะ นี่สำรอกกิเลสครั้งที่ ๔ เรียกว่า เจโตวิมุตติ สำรอกราคะและโทสะ
ธรรมะเกิดครั้งที่ ๕ พรรษา ๑๐
หลวงพ่อปฏิบัติธรรมเป็นปกติ มีสัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิตั้งอยู่ในอริยมรรคองค์ ๘ พอวันนั้น ได้เวลาปั๊บมันจะขึ้นมาเอง พอขึ้นมาแล้วดูมัน ตัวนี้แหละปัจจุบันธรรม เอ๊ะ จิตมันแว้บ อันนี้เรามีแต่รู้ ทำไมเราไปหลงอยู่อาการของจิต เท่านั้นแหละ เห็นเป็นอาการของจิตรูปนาม ปัจจุบันธรรมมันหลุดจากหัวใจลงไปอีก ตัวลอยเลย สุขอะไรไม่เท่ากับสุขที่สังขารขันธ์ไม่ปรุงแต่ง แล้วต่อมาก็เป็นปกติ นี่แหละมันจับไอ้ตัวคิดนึกปรุงแต่งขึ้นมาทันปัจจุบันเหมือนหมาไล่เนื้อ เขาเรียกยกจิตขึ้นสู่ไตรลักษณ์งับหลุด ดับตัวสังขารขันธ์ขันธ์หลุด ต่อมาเดือนกว่าๆ ก็อยู่ในถ้ำ นี่มันจะฟูขึ้นมาอีก หลวงพ่อก็จับมาพิจารณาด้วยปัญญาโดยโยนิโสมนสิการ เอ๊ะ ไอ้ความปรุงแต่งมันเอามาพิจารณา ก็เหมือนเราหยิบของมาดูมาชมมาพิเคราะห์อะไรต่างๆ พิจารณา ไอ้ตัวคิดตัวนึกตัวปรุงแต่งนี้เองเป็นตัวสมมติบัญญัติ เป็นโน่น เป็นนี่ เป็นตัว เป็นตนเป็นเราเป็นเขา เป็นของกูตัวกูอะไรต่างๆ นานาเมื่อรู้อย่างนี้อีก ทีนี้มันก็หายไป ทีนี้จิตก็จะว่างโล่งเบาสบาย ไม่ได้ไปคิดไปนึกอะไรนิ่งเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่อย่างนั้นเป็นปกติ ทีนี้ก็มีสติ-สัมปชัญญะพิจารณาดูทางอายตนะต่างๆ เห็นความเกิดดับของสภาวธรรมต่างๆ มันจะเข้ามาจับอายตนะแล้ว เริ่มอายตนะ จิตนี่ว่างโปร่ง แล้วรู้ความจริงแค่ปัสสาวะก็มีรูปกับนาม กลืนน้ำลายก็รูปนามกระทั่งตด อุจจาระ กระทั่งอะไรก็แล้วแต่ เห็นในกายเรานี้นะทุกอย่าง เมื่อ รูป เสียง กลิ่น รสสัมผัส กระทบตาหูจมูกลิ้นกาย มันก็ไปสู่ที่จิต จึงว่ากามคุณ ๕ นี้เป็นของที่หลอกลวงไม่เที่ยง ทีนี้ภายนอกมันก็เข้ามาอยู่ที่จิต จึงมาพิจารณาไอ้ตัวจิตเป็นหนึ่ง เอกัคคตา กลายมาเป็นสมาธิไป แปรสภาพไป มาเป็นตัวสมาธิ เสื่อมจากจิตมาเป็นสมาธิ แล้วปัญญาจะเข้าไปดู สอดส่องอยู่ตลอดเวลา เขาเรียกโยนิโสมนสิการ ละเอียดถี่ยิบเลย กายมันก็สมมติบัญญัติ เมื่อเป็นสมาธิแล้ว ทีนี้จิตมันจะว่างเปล่า ไม่ได้ปรุงแต่งอะไรมันก็อยู่ในอารมณ์ความว่าง......